.
  • ไทย
  • English
    llllllllll

    SMS Marketing VS Email Marketing เปรียบเทียบรอบด้าน

    เรียกได้ว่าการสื่อสารเปรียบเสมือนหัวใจสำคัญของการตลาด ดังนั้น การเลือกช่องทางที่เหมาะสมในการเข้าถึงลูกค้าจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกค้า โดย SMS Marketing และ Email Marketing คือสองช่องทางที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แต่คำถามสำคัญคือ SMS Marketing VS Email Marketing ธุรกิจควรเลือกใช้แบบไหนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ? ในบทความนี้ เราจะมาเปรียบเทียบข้อดีและข้อจำกัดของ SMS Marketing และ Email Marketing พร้อมคำแนะนำในการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

     การเลือกระหว่าง SMS Marketing VS Email Marketing ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

    SMS Marketing : การสื่อสารที่ฉับไว ตรงกลุ่มเป้าหมาย

    ข้อดีของ SMS Marketing

    • การเข้าถึงที่รวดเร็ว : SMS มักถูกเปิดอ่านภายในไม่กี่นาทีหลังจากส่ง ทำให้เหมาะสำหรับการสื่อสารที่ต้องการความเร่งด่วน เช่น โปรโมชันระยะสั้น หรือแจ้งเตือนการนัดหมาย
    • Open Rate สูง : หากเปรียบเทียบแล้ว Open Rate ของ SMS Marketing เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 98% ซึ่งสูงกว่า Email Marketing อย่างมาก
    • เหมาะสำหรับข้อความสั้นและกระชับ : เช่น โค้ดส่วนลด แจ้งเตือนการจัดส่งสินค้า หรือการสำรวจความคิดเห็น

    ข้อจำกัดของ SMS Marketing

    • ข้อจำกัดด้านเนื้อหา : เนื้อหาของ SMS ถูกจำกัดไว้ที่ 160 ตัวอักษร จึงอาจไม่เพียงพอสำหรับการสื่อสารข้อมูลที่ซับซ้อน
    • ค่าใช้จ่ายต่อข้อความ : การส่ง SMS มีต้นทุนต่อข้อความที่สูงกว่า Email Marketing ดังนั้น จำนวนข้อความที่ส่งได้ก็ย่อมน้อยกว่าเช่นกัน
    • ความเสี่ยงของการถูกมองว่าเป็นสแปม : หากส่งข้อความที่ไม่เกี่ยวข้องกับลูกค้ามากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดความรำคาญได้

    Email Marketing: การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวผ่านเนื้อหาที่ปรับแต่งได้

    ข้อดีของ Email Marketing

    • การสื่อสารที่ละเอียดและหลากหลาย : สามารถใส่เนื้อหายาว รูปภาพ และลิงก์เพื่อให้ผู้ที่เปิดอ่านได้เข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น
    • ต้นทุนต่ำกว่าในระยะยาว : เมื่อเปรียบเทียบกับ SMS Marketing การส่ง Email Marketing หาลูกค้าหลายพันคนมีต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก
    • เหมาะกับการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว : เช่น การส่งจดหมายข่าว (Newsletter) อัปเดตข้อมูลสินค้า หรือบทความที่มีประโยชน์
    • ติดตามผลได้ง่าย : เครื่องมือ Email Marketing เช่น Mailchimp หรือ HubSpot สามารถวิเคราะห์ Open Rate, Click Rate และ Conversion ได้อย่างละเอียด

    ข้อจำกัดของ Email Marketing

    • Open Rate ต่ำกว่า SMS : ถึงแม้ Email จะสามารถเข้าถึงผู้คนได้กว้างกว่า แต่ Open Rate โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 20-25% เท่านั้น
    • เสี่ยงต่อการถูกกรองเป็นสแปม : ถ้าส่งอีเมลที่ไม่มีคุณภาพหรือส่งมากเกินไป อีเมลของคุณอาจตกไปอยู่ในกล่องสแปมได้
    • การแข่งขันสูง : ผู้ใช้งานได้รับอีเมลจำนวนมากในแต่ละวัน ทำให้ต้องแข่งขันเพื่อดึงดูดความสนใจ

    เลือกแบบไหนให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ ?

    1. ธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง (SMEs)

    • SMS Marketing: เหมาะกับการโปรโมตแคมเปญระยะสั้น เช่น ลดราคาพิเศษในช่วงเทศกาล
    • Email Marketing: ใช้สำหรับการสื่อสารระยะยาว เช่น การส่งบทความแนะนำเคล็ดลับการใช้งาน หรืออัปเดตสินค้าและบริการใหม่ ๆ

    2. ธุรกิจ E-commerce

    • SMS Marketing: ตอบโจทย์ในการใช้เพื่อแจ้งเตือนสถานะคำสั่งซื้อ เช่น การจัดส่งหรือการยืนยันคำสั่งซื้อ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
    • Email Marketing: เหมาะสำหรับการส่งโปรโมชันพิเศษ รายการสินค้าที่ลูกค้าอาจสนใจ หรือการทำรีมาร์เก็ตติ้ง (Remarketing)

    3. ธุรกิจบริการ (Service-Based Business)

    • SMS Marketing: แจ้งเตือนการนัดหมาย การยืนยันการจอง หรือส่งโค้ดส่วนลดสำหรับการใช้บริการครั้งถัดไป
    • Email Marketing: ใช้สำหรับสร้างความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้า เช่น การส่งคำแนะนำการใช้บริการ หรือบทความให้ความรู้ที่เกี่ยวข้อง

    4. ธุรกิจ B2B

    • SMS Marketing: อาจไม่ใช่ตัวเลือกหลัก เนื่องจากลักษณะการสื่อสารของ B2B มักต้องการรายละเอียดแบบเจาะลึก และกลุ่มเป้าหมายก็มีขั้นตอนที่ซับซ้อนก่อนที่จะทำการตัดสินใจ
    • Email Marketing: เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับใช้เพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงลึก เช่น การส่งรายงาน การติดตามผลหลังการประชุม หรือการแนะนำโซลูชันใหม่

    เจ้าของธุรกิจเปรียบเทียบ SMS Marketing กับ Email Marketing และเลือกใช้อย่างได้ผล

    ข้อสรุปคือควรใช้ทั้งสองกลยุทธ์อย่างผสมผสาน

    ทั้งนี้ คงไม่มีคำตอบที่ตายตัวว่า ระหว่างการทำ SMS Marketing VS Email Marketing อะไรดีกว่ากัน เพราะทั้งสองช่องทางมีบทบาทที่ต่างกันและสามารถเสริมกันได้อย่างลงตัว ตัวอย่างเช่น 

    • ใช้ SMS สำหรับการแจ้งเตือนหรือส่งข้อมูลเร่งด่วน
    • ใช้ Email สำหรับการสื่อสารข้อมูลเชิงลึกและการสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาว

    ดังนั้น การเลือกใช้ควรพิจารณาจากลักษณะของธุรกิจ กลุ่มเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ของการสื่อสาร หากใช้อย่างผสมผสาน จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นให้กับธุรกิจของคุณในระยะยาว

     

    ใช้ SMS Marketing เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจด้วยบริการจาก SMS2PRO

    เมื่อมองเห็นภาพรวมของการเปรียบเทียบ SMS Marketing กับ Email Marketing แล้ว ดังนั้น ผู้ประกอบการท่านใดอยากติดอาวุธการตลาดให้กับธุรกิจด้วย SMS Marketing ขอแนะนำ SMS2PRO บริษัทผู้ให้บริการส่ง SMS ครบวงจร รับประกันคุณภาพด้วยการรับรองมาตรฐานจาก กสทช. ลงทะเบียนเพื่อทดลองส่งข้อความฟรีได้ที่เว็บไซต์ของเรา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-114-8318 หรือ LINE Official @sms2pro

    ลงทะเบียนทดลองใช้บริการฟรีได้ทางเว็บไซต์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-114-8318 หรือ LINE Official @sms2pro

.
SMS Marketing vs Email Marketing เลือกยังไงให้เหมาะกับธุรกิจ
.
SMS Marketing vs Email Marketing เลือกยังไงให้เหมาะกับธุรกิจ

SMS Marketing VS Email Marketing เปรียบเทียบรอบด้าน

เรียกได้ว่าการสื่อสารเปรียบเสมือนหัวใจสำคัญของการตลาด ดังนั้น การเลือกช่องทางที่เหมาะสมในการเข้าถึงลูกค้าจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกค้า โดย SMS Marketing และ Email Marketing คือสองช่องทางที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แต่คำถามสำคัญคือ SMS Marketing VS Email Marketing ธุรกิจควรเลือกใช้แบบไหนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ? ในบทความนี้ เราจะมาเปรียบเทียบข้อดีและข้อจำกัดของ SMS Marketing และ Email Marketing พร้อมคำแนะนำในการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

 การเลือกระหว่าง SMS Marketing VS Email Marketing ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

SMS Marketing : การสื่อสารที่ฉับไว ตรงกลุ่มเป้าหมาย

ข้อดีของ SMS Marketing

  • การเข้าถึงที่รวดเร็ว : SMS มักถูกเปิดอ่านภายในไม่กี่นาทีหลังจากส่ง ทำให้เหมาะสำหรับการสื่อสารที่ต้องการความเร่งด่วน เช่น โปรโมชันระยะสั้น หรือแจ้งเตือนการนัดหมาย
  • Open Rate สูง : หากเปรียบเทียบแล้ว Open Rate ของ SMS Marketing เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 98% ซึ่งสูงกว่า Email Marketing อย่างมาก
  • เหมาะสำหรับข้อความสั้นและกระชับ : เช่น โค้ดส่วนลด แจ้งเตือนการจัดส่งสินค้า หรือการสำรวจความคิดเห็น

ข้อจำกัดของ SMS Marketing

  • ข้อจำกัดด้านเนื้อหา : เนื้อหาของ SMS ถูกจำกัดไว้ที่ 160 ตัวอักษร จึงอาจไม่เพียงพอสำหรับการสื่อสารข้อมูลที่ซับซ้อน
  • ค่าใช้จ่ายต่อข้อความ : การส่ง SMS มีต้นทุนต่อข้อความที่สูงกว่า Email Marketing ดังนั้น จำนวนข้อความที่ส่งได้ก็ย่อมน้อยกว่าเช่นกัน
  • ความเสี่ยงของการถูกมองว่าเป็นสแปม : หากส่งข้อความที่ไม่เกี่ยวข้องกับลูกค้ามากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดความรำคาญได้

Email Marketing: การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวผ่านเนื้อหาที่ปรับแต่งได้

ข้อดีของ Email Marketing

  • การสื่อสารที่ละเอียดและหลากหลาย : สามารถใส่เนื้อหายาว รูปภาพ และลิงก์เพื่อให้ผู้ที่เปิดอ่านได้เข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น
  • ต้นทุนต่ำกว่าในระยะยาว : เมื่อเปรียบเทียบกับ SMS Marketing การส่ง Email Marketing หาลูกค้าหลายพันคนมีต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก
  • เหมาะกับการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว : เช่น การส่งจดหมายข่าว (Newsletter) อัปเดตข้อมูลสินค้า หรือบทความที่มีประโยชน์
  • ติดตามผลได้ง่าย : เครื่องมือ Email Marketing เช่น Mailchimp หรือ HubSpot สามารถวิเคราะห์ Open Rate, Click Rate และ Conversion ได้อย่างละเอียด

ข้อจำกัดของ Email Marketing

  • Open Rate ต่ำกว่า SMS : ถึงแม้ Email จะสามารถเข้าถึงผู้คนได้กว้างกว่า แต่ Open Rate โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 20-25% เท่านั้น
  • เสี่ยงต่อการถูกกรองเป็นสแปม : ถ้าส่งอีเมลที่ไม่มีคุณภาพหรือส่งมากเกินไป อีเมลของคุณอาจตกไปอยู่ในกล่องสแปมได้
  • การแข่งขันสูง : ผู้ใช้งานได้รับอีเมลจำนวนมากในแต่ละวัน ทำให้ต้องแข่งขันเพื่อดึงดูดความสนใจ

เลือกแบบไหนให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ ?

1. ธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง (SMEs)

  • SMS Marketing: เหมาะกับการโปรโมตแคมเปญระยะสั้น เช่น ลดราคาพิเศษในช่วงเทศกาล
  • Email Marketing: ใช้สำหรับการสื่อสารระยะยาว เช่น การส่งบทความแนะนำเคล็ดลับการใช้งาน หรืออัปเดตสินค้าและบริการใหม่ ๆ

2. ธุรกิจ E-commerce

  • SMS Marketing: ตอบโจทย์ในการใช้เพื่อแจ้งเตือนสถานะคำสั่งซื้อ เช่น การจัดส่งหรือการยืนยันคำสั่งซื้อ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
  • Email Marketing: เหมาะสำหรับการส่งโปรโมชันพิเศษ รายการสินค้าที่ลูกค้าอาจสนใจ หรือการทำรีมาร์เก็ตติ้ง (Remarketing)

3. ธุรกิจบริการ (Service-Based Business)

  • SMS Marketing: แจ้งเตือนการนัดหมาย การยืนยันการจอง หรือส่งโค้ดส่วนลดสำหรับการใช้บริการครั้งถัดไป
  • Email Marketing: ใช้สำหรับสร้างความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้า เช่น การส่งคำแนะนำการใช้บริการ หรือบทความให้ความรู้ที่เกี่ยวข้อง

4. ธุรกิจ B2B

  • SMS Marketing: อาจไม่ใช่ตัวเลือกหลัก เนื่องจากลักษณะการสื่อสารของ B2B มักต้องการรายละเอียดแบบเจาะลึก และกลุ่มเป้าหมายก็มีขั้นตอนที่ซับซ้อนก่อนที่จะทำการตัดสินใจ
  • Email Marketing: เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับใช้เพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงลึก เช่น การส่งรายงาน การติดตามผลหลังการประชุม หรือการแนะนำโซลูชันใหม่

เจ้าของธุรกิจเปรียบเทียบ SMS Marketing กับ Email Marketing และเลือกใช้อย่างได้ผล

ข้อสรุปคือควรใช้ทั้งสองกลยุทธ์อย่างผสมผสาน

ทั้งนี้ คงไม่มีคำตอบที่ตายตัวว่า ระหว่างการทำ SMS Marketing VS Email Marketing อะไรดีกว่ากัน เพราะทั้งสองช่องทางมีบทบาทที่ต่างกันและสามารถเสริมกันได้อย่างลงตัว ตัวอย่างเช่น 

  • ใช้ SMS สำหรับการแจ้งเตือนหรือส่งข้อมูลเร่งด่วน
  • ใช้ Email สำหรับการสื่อสารข้อมูลเชิงลึกและการสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาว

ดังนั้น การเลือกใช้ควรพิจารณาจากลักษณะของธุรกิจ กลุ่มเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ของการสื่อสาร หากใช้อย่างผสมผสาน จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นให้กับธุรกิจของคุณในระยะยาว

 

ใช้ SMS Marketing เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจด้วยบริการจาก SMS2PRO

เมื่อมองเห็นภาพรวมของการเปรียบเทียบ SMS Marketing กับ Email Marketing แล้ว ดังนั้น ผู้ประกอบการท่านใดอยากติดอาวุธการตลาดให้กับธุรกิจด้วย SMS Marketing ขอแนะนำ SMS2PRO บริษัทผู้ให้บริการส่ง SMS ครบวงจร รับประกันคุณภาพด้วยการรับรองมาตรฐานจาก กสทช. ลงทะเบียนเพื่อทดลองส่งข้อความฟรีได้ที่เว็บไซต์ของเรา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-114-8318 หรือ LINE Official @sms2pro

ลงทะเบียนทดลองใช้บริการฟรีได้ทางเว็บไซต์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-114-8318 หรือ LINE Official @sms2pro

image result
Sakolwit M
Managing Director | EXP System.
Share 
ข่าวสารและบทความอื่น ที่เกี่ยวข้อง
ข่าวทั้งหมด
Location-based Marketing คืออะไร ตอบโจทย์ธุรกิจแบบไหนบ้าง ?
หากผู้ประกอบการอยากจะได้ชัยชนะในสมรภูมิธุรกิจยุคดิจิทัล นอกจากเรื่องคุณภาพสินค้าแล้ว คุณยังต้องแข่งขันกันในเรื่องของจังหวะและ...
SWOT คืออะไร ? ขั้นตอนและตัวอย่าง ที่ธุรกิจนำไปใช้ได้จริง
การวางแผนการตลาดที่เห็นผลจริง ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าใจสถานการณ์การตลาดได้อย่างแม่นยำ ด้วยเหตุนี้...
Customer Relationship คืออะไร ? สำคัญอย่างไรต่อธุรกิจยุคใหม่
โดย
Sakolwit M
31/01/2025
ในยุคที่การแข่งขันสูงลิบ การสร้าง Customer Relationship ที่แข็งแกร่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจรักษาฐานลูกค้าและเพิ่ม...
บริการส่ง SMS นัดหมาย พิชิตแผนธุรกิจคลินิกเสริมความงาม
โดย
Sakolwit M
31/01/2025
เคยไหมที่ลูกค้าไม่มาตามนัดหรือสับสนเรื่องเวลา ? สำหรับคลินิกความงามที่ลูกค้าชอบซื้อแพ็กเกจแบบคอร์ส การจัดการนัดหมายล่วงหน้า...
Customer Retention คืออะไร ? อธิบายครบ ผู้ประกอบการต้องอ่าน
โดย
Sakolwit M
31/01/2025
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการแข่งขันทางธุรกิจในยุคนี้ มาพร้อมกับความดุเดือดที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ยิ่งถ้าหากพูดถึงธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มักจะ...
7 Marketing Tools ทรงพลัง ปั้นแบรนด์เป็นเบอร์ 1 ในยุคดิจิทัล
โดย
Sakolwit M
31/01/2025
อยากปั้นแบรนด์และทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าการทำการตลาดเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งในยุคดิจิทัลอย่างปัจจุบัน เครื่องมือทางการ...
1 2 3
เลือกใช้งาน SMS2PRO
 ได้อย่างไร้กังวลด้วยมาตรฐานสากล
.
ISO Logo (Red square) 1 result
ISO/IEC 29110-4-1:2018
Software Project Management and Software Implementation Process
ดูใบอนุญาต
nbtc logo img
มาตรฐาน กสทช.
ได้รับการรับรองมาตรฐานในการให้บริการส่งข้อความสั้น (Short Message Service: SMS) โดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
ดูใบอนุญาต
Copyright © 2025 Supported by SMS2PRO
iso white
ISO/IEC 29110-4-1:2018
Software Project Management and
Software Implementation Process
nbtc logo img
National-licensed
and ready to deliver secure,
reliable SMS services
cross