ความเหมือนที่แตกต่างระหว่าง SMS และ MMS คืออะไร ?

การทำการตลาดผ่านเบอร์โทรศัพท์ยังคงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ทรงพลังที่สุดสำหรับการเข้าถึงลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความเพื่อแจ้งเตือนโปรโมชัน หรือสร้างแคมเปญทางการตลาด ซึ่ง SMS และ MMS ต่างก็มีจุดเด่นและข้อดีในตัวเอง แต่เราควรเลือกใช้อย่างไรให้เหมาะสมกับเป้าหมายของธุรกิจ ? 

ไปค้นพบความหมายของการส่ง SMS กับ MMS ว่าต่างกันอย่างไร พร้อมวิธีเลือกใช้ในการส่งข้อความ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงลูกค้าและสร้างความประทับใจที่ยั่งยืนของการทำธุรกิจ 

SMS คืออะไร ?

SMS ย่อมาจาก Short Message Service คือ บริการส่งข้อความสั้นผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ โดยข้อความจะถูกจำกัดความยาวไว้ที่ 160 ตัวอักษร เหมาะสำหรับการส่งข้อความที่เรียบง่าย กระชับ ชัดเจน แต่ทรงพลัง สามารถสื่อสารใจความสำคัญได้อย่างครบถ้วน เช่น การแจ้งเตือน หรือข้อความที่ต้องการให้ผู้รับทราบในทันที

ข้อดีของการส่ง SMS

• ประหยัดค่าใช้จ่าย : SMS มีต้นทุนที่ต่ำกว่าช่องทางการตลาดอื่น ๆ เช่น อีเมล โฆษณาบนโซเชียลมีเดีย หรือสื่อโฆษณาออฟไลน์ เริ่มต้นเพียงข้อความละไม่ถึง 1 บาท
• เข้าถึงได้ทันที : ผู้รับสามารถเปิดอ่านข้อความได้ทันทีจากโทรศัพท์มือถือ และด้วยอัตราการเปิดข้อความที่สูงถึง 98% ทำให้ SMS คือหนึ่งในเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ สำหรับใช้ส่งข้อความแบบเร่งด่วนที่สุด
• ใช้งานง่าย : สามารถตั้งค่าข้อความ ชื่อผู้ส่ง และส่งข้อความได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับการแจ้งข้อมูล ข้อเสนอพิเศษ และแจ้งเตือนสำคัญทุกชนิด

ตัวอย่างการใช้งาน SMS

• ธุรกิจการเงินและธนาคาร : ใช้ SMS เพื่อส่งรหัส OTP สำหรับการยืนยันตัวตน เพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรม
• ธุรกิจค้าปลีก : ร้านค้าออนไลน์ส่งข้อความแจ้งโปรโมชันหรือส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าเดิม และใช้การส่ง SMS Location Based เพื่อแจ้งข่าวสารให้กลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
• ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ : ใช้สำหรับติดตามคำสั่งซื้อและแจ้งเตือนสถานะการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าแบบเรียลไทม์

MMS คืออะไร ?

MMS มีชื่อเต็มว่า Multimedia Messaging Service คือ บริการส่งข้อความที่สามารถใส่เนื้อหามัลติมีเดีย เช่น รูปภาพ เสียง หรือวิดีโอ พร้อมกับข้อความตัวอักษร เหมาะสำหรับแคมเปญการตลาดที่ต้องการดึงดูดความสนใจของลูกค้า

และด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้การใช้ MMS ได้รับการพัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่นิยมใช้แอปพลิเคชันแชต เช่น Facebook Messenger, LINE, และ WhatsApp ซึ่งสามารถรองรับเนื้อหามัลติมีเดียได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ เสียง หรือวิดีโอก็ตาม

ข้อดีของการส่ง MMS

• เพิ่มความน่าสนใจ : รูปภาพและวิดีโอช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมจากลูกค้า และทำให้ข้อความดูน่าสนใจ สร้างการจดจำได้มากขึ้น
• เล่าเรื่องได้ดีกว่า : MMS ช่วยให้แบรนด์สามารถเล่าเรื่องหรือแสดงสินค้าที่มีความซับซ้อนได้ครบถ้วนทุกประเด็น
• สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ : การส่งข้อความพร้อมโลโก้หรือภาพสินค้าช่วยเสริมความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ทำให้เป็นที่รู้จักและเกิดการจดจำได้ดี

ตัวอย่างการใช้งาน MMS

• ธุรกิจแฟชั่น : ทำแคมเปญจัดโปรโมชันสำหรับสินค้าใหม่ ด้วยการส่งภาพพร้อมคำเชิญชวนให้ลูกค้าสนใจสั่งซื้อ
• ธุรกิจบันเทิง : การแจ้งเตือนเพื่อโปรโมตกิจกรรมพิเศษ เช่น คอนเสิร์ต ภาพยนตร์ ช่วยเพิ่มยอดผู้ชมให้สูงขึ้น
• ธุรกิจร้านอาหาร : ส่งรูปภาพเมนูใหม่พร้อมคูปองส่วนลด เพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้า

สรุปความแตกต่างระหว่าง SMS กับ MMS

เพื่อให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้นว่า SMS กับ MMS ต่างกันอย่างไร เราจึงนำทั้งสองช่องทางมาเปรียบเทียบในรูปแบบตาราง เพื่อให้ผู้ประกอบการและนักการตลาดสามารถเลือกใช้ได้เหมาะสมที่สุด

หากเล็งเห็นว่าธุรกิจของคุณเหมาะกับการส่ง SMS มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำ SMS Marketing ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลายและครอบคลุม ด้วยบริการส่ง SMS ครบวงจรจาก SMS2PRO ที่ตอบทุกความต้องการของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการส่ง SMS Marketing, SMS OTP, รวมถึงการส่ง SMS แบบ Location Based Service, SMS API, SMS Tracking หรือจะส่ง SMS Alert ก็มั่นใจได้ในคุณภาพ ด้วยมาตรฐานจาก กสทช. ลงทะเบียนทดลองใช้บริการฟรีได้ทางเว็บไซต์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์  02-114-8318 หรือ LINE Official @sms2pro